
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ล่าสุด (2 พ.ย.) จังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สงขลา, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ทั้งนี้มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 4.7 แสนร้านค้า
สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนก่อนวันที่ 23 ต.ค. 2563 และได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์แล้วขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมทั้งยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนการยืนยันตัวตนสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองโดยง่าย และจะต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังภายในวันที่ 5 พ.ย. 2563
ทั้งนี้ เมื่อท่านเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการเข้าไปในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ซึ่งสามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 หากไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ์ ท่านจะถูกตัดสิทธิ์ และไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีก
วิธีเติมเงินเข้า G-Wallet โครงการ “คนละครึ่ง” มีดังนี้
เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
เลือกข้อความ เติมเงินเข้า G-Wallet
เลือก ธนาคาร และช่องทางเติมเงิน
วิธีที่ 1 เติมเงินด้วย QR Code พร้อมเพย์
กดบันทึก รูป QR Code
เปิดแอปพลิเคชันธนาคาร เพื่อเติมเงิน
ไปยังเมนู สแกน กดปุ่มรูปภาพ แล้วเลือกรูป QR Code ที่บันทึกไว้
หลังจากนั้นใส่จำนวนเงินที่ต้องการ และทำตามขั้นตอนปกติ
เติมเงินด้วย G-Wallet ID
กดคัดลอก G-Wallet ID
เปิดแอปพลิเคชันธนาคาร เพื่อเติมเงิน
ไปยังเมนู เติมเงิน/โอนเงิน พร้อมเพย์ หรือ e-Wallet
นำ G-Wallet ID ไปวางในช่อง e-Wallet ID
หลังจากนั้นใส่จำนวนเงินที่ต้องการ และทำตามขั้นตอนปกติ
วิธีที่ 2 การเติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารชั้นนำ
เข้าเมนูเติมเงิน/โอนเงิน e-Wallet พร้อมเพย์และระบุ G-Wallet ID 15 หลัก
วิธีที่ 3 การเติมเงินผ่านธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา
แจ้ง G-Wallet ID เพื่อเติมเงิน
ที่มา Krungthai Care