วันที่ 9 เม.ย. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบใน
การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด
และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 65 เป็นต้นไป
จะเริ่มมีพี่น้องประชาชนทยอยเดินทางกลับยังภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2565
เพื่อพบปะญาติมิตร และหลายครอบครัวจะเดินทางท่องเที่ยว หรือร่วมกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ
ซึ่งในขณะนี้ สถานการณ์การแพร่กระจายของ CV-19 ยังคงมีจำนวนผู้ติดเพิ่มขึ้น กระทรวงมหาดไทย
โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่กระจายของ CV-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)
ได้เน้นย้ำไปยังปลัดกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมดำเนินการ
ตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 43)
ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 และแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข
โดยใช้กลไกคณะกรรมการจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ประเมินและพิจารณาอนุญาตก่อนการ
จัดกิจกรรมรวมกลุ่มในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่น การแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนท์
งานเทศกาล มหกรรม ประเพณี การละเล่นท้องถิ่น การแสดงทางวัฒนธรรมขบวนแห่เล่นน้ำ
(ตามจำนวนการรวมกลุ่มคนที่จังหวัดกำหนด) และกำกับ ติดตามการปฏิบัติตามมาตรการ CV Free Setting
และมาตรการ DMHTA ร่วมกับเจ้าพนักงานท้องถิ่น/สาธารณสุขในพื้นที่ตลอดการจัดงาน อย่างเคร่งครัด
เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของ CV-19 เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ห้ามจัดกิจกรรมปาร์ตี้โฟม ประแป้ง ดื่ม
หรือจำหน่ายเครื่องดื่ม รวมทั้งเฝ้าระวังและควบคุม กำกับ การปฏิบัติตามมาตรการ CV Free Setting
ในกิจการต่าง ๆ เช่น ท่าอากาศยาน สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ร้านอาหาร ร้านอาหารกึ่งผับ ตลาด ศาสนสถาน สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น
ผู้จัดงานต้องประเมินตนเองตามมาตรการ CV Free Setting ประเภทการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มในชุมชน
หรือการจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น การแสดงคอนเสิร์ต การแสดงดนตรี งานอีเวนท์ งานเทศกาล มหกรรม
ผ่านระบบ Thai Stop CV 2 Plus และสำหรับกิจกรรมสงกรานต์ในพื้นที่หมู่บ้านหรือชุมชน
ต้องแจ้งให้ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุม (ศปก.ต.) หรือศูนย์ปฏิบัติการควบคุม (ศปก.อ.) หรือสำนักงานเขต
ทราบ โดยผู้เข้าร่วมงานต้องปฏิบัติตามมาตรการ DMHTA อย่างเคร่งครัด และตรวจหา CV-19
ด้วยชุดตรวจ ATK ทุกครั้งเมื่อร่วมกิจกรรมที่มีความเสี่ยง หรือมีอาการ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอต้องเป็นผู้นำในการประสานองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นและบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน สื่อสารสร้างการรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับ
พี่น้องประชาชนผ่านทุกช่องทางสื่อสารในชุมชนและสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงพี่น้องประชาชนอย่าง
หลากหลายในวงกว้าง ในการป้องกันตนเองแบบ Universal Prevention
หรือการป้องกันการติด CV-19 ขั้นสูงสุด (แบบครอบจักรวาล) และ DMHTA ได้แก่
1) ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น
2) เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร
3) สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา
4) ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจล
5) อย่าใช้มือสัมผัสหน้ากาก รวมทั้งใบหน้า ตา จมูก ปาก
6) ผู้เป็นกลุ่มเสี่ยง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน
7) ทำความสะอาดที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆ
8) แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
9) กินอาหารปรุงสุกใหม่ แยกสำรับ ใช้ช้อนกลางส่วนตัว
10) หากพบว่ามีอาการหรือสงสัยว่าตนเองเสี่ยง ให้ตรวจด้วย ATK บ่อย ทันที เพื่อยืนยันว่าติด CV-19
หรือไม่ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการรับวัคซีนอย่างครบถ้วนก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดใช้กลไกคณะกรรม
การจังหวัดและประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุรองรับกรณี
พบการแพร่กระจายของ CV-19 เพิ่มขึ้นระหว่างหรือหลังเทศกาลสงกรานต์
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ไปยังสถานที่ทำงานหรือสถานประกอบการควรพิจารณามาตรการ Work From Home
ตามความเหมาะสม ภายหลังจากเทศกาลสงกรานต์ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการแพร่กระจายของ CV-19
ไม่ให้กระจายในวงกว้าง โดยหากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำผิดแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ
สามารถแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนทำตามมาตรการป้องกัน เพื่อลดการแพร่กระจายของ CV-19